วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เที่ยวฟาร์ม ตามดูโคบาลไทย


 หยุ่น และอุ่น คือความรู้สึกที่ได้รับเมื่อมือขวาจับและกำฐานเต้านมของแม่โคที่ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ในซองรีดนม ทันทีที่บีบมือ น้ำนมสีขาวสะอาดก็พุ่งปรี๊ดออกจากเต้านมแม่โคลงไปในถังรองรับทันที

          "บางทีแค่เขายืนอยู่เฉย ๆ น้ำนมก็หยดออกมาแล้วค่ะ" นักรีดนมตัวจริงบอกเล่า "แม่โคมีน้ำนมมาก เราต้องรีดออกทุกวัน วันละ 3 รอบ ตีสี่ บ่ายสอง และสามทุ่ม ถ้าไม่รีดแล้วเขาจะคัดนมค่ะ"

 

 แม่โคสีขาวดำพันธุ์โชคชัย ฟรีเชียน ซึ่งเป็นพันธุ์เฉพาะที่ทางฟาร์มคัดเลือกสายพันธุ์โฮลสไตน์ ฟรีเชียน มาผสมกับสายพันธุ์พื้นเมือง ยืนนิ่งราวกับไม่รู้สึกอะไรเลยเมื่อฉันเริ่มต้นกระบวนการรีดนมด้วยมืออีกครั้ง โดยกำนิ้วโป้งและนิ้วชี้เป็นวงล็อกหัวนมแม่โคไว้แนบแน่น แล้วค่อย ๆ ไล่สามนิ้วที่เหลือลงมาจนกลายเป็นการกำ

          "ล็อกให้แน่นเลยค่ะ ไม่อย่างนั้นแม่โคจะเจ็บ" การถูกล็อกแน่นเช่นนี้เป็นความเคยชินของแม่โคจำนวน 1,500 ตัว ในฟาร์มโชคชัย ทว่าเปลี่ยนจากมือคนไปเป็นหัวเครื่องรีดนม ซึ่งว่ากันว่าถูกออกแบบให้แม่วัวรู้สึกเหมือนลูกน้อยกำลังดูดน้ำนมจากอก เทคโนโลยีนี้ทำให้ฟาร์มโชคชัยสามารถรีดนมโคได้ภายในเวลา 8 นาที ต่อ 1 ตัว เร็วกว่าสมัยที่ใช้วิธีรีดด้วยมือ ซึ่งใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมงในการรีดนมโค 1 ตัว และบทสรุปสุดท้ายในแต่ละวันคือ ทางฟาร์มได้น้ำนมดิบถึงวันละ 20 ตัน นำเข้าสู่โรงงานผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์นมตรา "อืมม!..มิลค์" เพียง 1ใน 4 ของปริมาณที่ได้ นอกจากนั้นก็ขายให้ผู้ประกอบการที่ต้องการน้ำนมดิบคุณภาพดีเพื่อนำไปใช้ในการแปรรูปต่อไป



 แม้จะปรับเปลี่ยนจากมือคนมาเป็นการรีดนมด้วยเครื่อง ทว่าก่อนสวมหัวเครื่องรีดนมไปที่เต้าทั้งสี่ของแม่โค ก็ยังต้องอาศัยมือคนในการรีดน้ำนมเพื่อตรวจสอบคุณภาพน้ำนมที่ดีต้องมีสีขาวนวล ไม่จับตัวเป็นลิ่ม หรือเป็นก้อน มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ตามธรรมชาติ เมื่อมั่นใจว่าได้น้ำนมดีแล้ว กระบวนการรีดนมโคด้วยเครื่องก็เริ่มต้น ตั้งแต่กดหมายเลขประจำตัวของแม่โคที่เครื่องบันทึกข้อมูล (ฉันแอบคิดขำ ๆ ว่าเป็นหมายเลขประจำหูต่างหาก) จากนั้นจึงเปิดเครื่องรีดแล้ว สวมหัวเครื่องรีดไปที่หัวนมทั้งสี่ของแม่โค ในเวลาไม่นานนัก น้ำนมสีขาวบริสุทธิ์ สด สะอาดก็หลากไหลผ่านท่อสายยางไปยังท่อแก้ว ก่อนเข้าสู่ถังพัก ผ่านเข้าสู่กระบวนการกรอง แล้วไหลผ่านท่อแก้วไปเก็บรวบรวมไว้ที่ศูนย์รับน้ำนมดิบ ซึ่ง ณ จุดนั้นน้ำนมจะถูกลดอุณหภูมิไว้ที่ 4 องศาเซลเซียส เพื่อรักษาคุณภาพ ก่อนนำไปแปรรูปหรือจำหน่ายต่อไป ตลอดเส้นทางน้ำนมไม่ได้สัมผัสอากาศภายนอกเลย จึงมั่นใจในคุณภาพและความสะอาดได้อย่างแน่นอน
          "เวลารีดนมตอนตีสี่ เราเปิดเพลงให้แม่โคฟังด้วยนะคะ แม่โคจะได้อารมณ์ดี" สาวชาวฟาร์มคนหนึ่งเล่าพร้อมรอยยิ้ม ฉันนึกถึงเสียงดนตรีบรรเลงฟังรื่นใจ ทว่าคำอธิบายเพิ่มเติมทำให้อดขำไม่ได้

          "คนรีดชอบฟังเพลงอะไร แม่ก็ได้ฟังเพลงแบบนั้นล่ะค่ะ" ฟาร์มโคนมเป็นชุมชนของสาวแก่แม่ม่ายโดยแท้จริง สำหรับโคตัวผู้ ซึ่งถูกแยกเลี้ยงไว้ต่างหากนั้น มีเฉพาะพ่อพันธุ์ 12 ตัว และโค "ตัวล่อ" ซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นความรู้สึกของพ่อพันธุ์บางตัว

           "เรารีดน้ำเชื้อพ่อพันธุ์สัปดาห์ละ 2 วัน คือ วันอังคารและวันพฤหัสฯ ซึ่งจะใช้โคตัวเมียที่มีขนาดใหญ่มาเป็นตัวล่อ เพราะต้องรับน้ำหนักตัวมหาศาลของพ่อพันธุ์ เรื่องแปลกก็คือพ่อพันธุ์บางตัวต้องใช้ตัวล่อเป็นตัวผู้มาตลอด พอได้กลิ่นตัวเมียก็เลยรู้สึกไม่ปลอดภัย"

           แม้จำนวนโคพ่อพันธุ์จะเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนโคนมกว่า 3,000 ตัว แต่ก็มีความสำคัญนัก เพราะน้ำเชื้อของพ่อพันธุ์ที่ผ่านการคัดเลือกสายพันธุ์มาแล้วนี้ เมื่อนำไปผสมกับโคตัวเมีย หากได้ลูกตัวเมียก็นับเป็นว่าที่ผู้ผลิตน้ำนมคุณภาพดีต่อไป บางตัวเติบโตเป็นแม่พันธุ์ที่ส่งออกไปยังหลายประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนลูกตัวผู้นั้น มีทั้งคัดเก็บไว้เป็นพ่อพันธุ์ในอนาคตและขายให้เกษตรกรรายอื่นไป ทุกชีวิตในฟาร์มกว้างใหญ่นี้ล้วนมีคุณค่า แม้ว่าจะแตกต่างกัน



 "ควั่บ !!!" เสียงตวัดแส้แหวกอากาศกรีดก้อง ณ มุมหนึ่งของฟาร์มโชคชัย หลายคนสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงดังที่ทำให้จินตนาการถึงสัมผัสหนักหน่วงที่ฟาดลงมาเจ็บแปลบบนผิวเนื้อ คาวบอยสวมชุดเต็มยศตรงกลางลานทรายรูปวงกลมยังคงเหวี่ยงข้อมือตวัดแส้พลิกพลิ้วตัดอากาศอย่างฉับไวและหนักแน่น

           เสียง "ควั่บ ๆ" ดังต่อเนื่อง นั่นคือหนึ่งในชุดการแสดงโชว์ของคาวบอยและม้าในฟาร์มโชคชัยที่ผู้มาเยือนประทับใจ นับแต่เริ่มเปิดฉากด้วยคาวบอยหนุ่มใหญ่ผู้มีใบหน้าละม้ายชาวอินเดียนเดินม้าออกมายืนง่ากลางลาน ประกอบเสียงบรรยายบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับหน้าที่การงานในทุ่งกว้างท่ามกลางฝูงปศุสัตว์นับพัน รวมถึงเหตุผลของการแต่งตัวเท่ ๆ ซึ่งแท้จริงแล้วคือเรื่องจำเป็น ไม่จะเป็นกางเกงยีนส์ตัวหนาที่ถูกสวมทับด้วยแชปส์ (Chaps) หรือแผ่นหนังที่คลุมตั้งแต่เอวลงไปถึงท่อนาทั้งหมด ก็เพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากเขาวัว รวมทั้งลดการเสียดสีกับขนหยาบของม้า ส่วนรองเท้าบูทหุ้มข้อ สวมเพื่อช่วยป้องกันหญ้าบาดและป้องกันงูฉก ต้องมีส้นเพราะเมื่อสอดเท้าเข้าโกลนแล้ว ส้นรองเท้าจะถูกรั้งไว้ที่โกลน ทำให้เท้าไม่ลื่นผ่านโกลนไปเมื่อม้าควบ ส่วนหัวรองเท้านั้นมักเป็นแบบปลายแหลม เพราะถ้าตกม้าจะได้ซักเท้าออกจากโกลนได้ทันที ทำให้ไม่ถูกม้าลากถูกลู่ถูกกังให้เจ็บตัวยิ่งขึ้น


   ยังมีโชว์อีกหลายอย่างที่ครอบคลุมเรื่องราวของวิถีคาวบอย เช่น การใช้บ่วงบาศคล้องวัว ซึ่งนอกจากจะทำให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการเหวี่ยงเชือกของคาวบอยและความแสนรู้ของม้าแล้ว ยังได้อมยิ้มกับบทบาทล้มลงกองบนพื้นทรายอย่างหมดท่าของวัวอีกต่างหาก รอยยิ้มยังไม่คลายเมื่อชมการแสดงถัด ๆ ไป ทั้งการควงปืนโดยคาวบอยมาดยียวนการควงเชือกบ่วงบาศแข่งกันในหมู่ผู้ชายกลางแจ้ง ฯลฯ จากนั้นจึงเป็นเวลาตามอัธยาศัยของนักท่องเที่ยว จะเลือกนั่งบนหลังม้าให้คาวบอยจูงไปรอบ ๆ เมืองคาวบอยจำลอง ตื่นเต้นท้าทายบนหลังม้าพยศ (ตัวปลอม) ยิงปืนพิสูจน์ความแม่นยำ หรือนั่งจิบเครื่องดื่ม กินไอศกรีม "อืมม!..มิลค์" ก่อนขึ้นฟาร์มแทรกเตอร์ไปยังจุดท่องเที่ยวต่อไป ก็ล้วนแล้วแต่ได้บรรยากาศของการมาเยือนสถานที่อันเป็นตำนานของโคบาลไทยทั้งนั้น

          เมื่อฟาร์มแทรกเตอร์ของรอบนี้แล่นผ่านไปพร้อมนักท่องเที่ยวที่มีรอยยิ้มระบายอยู่บนใบหน้า แดนคาวบอยจำลองก็กลับสู่ความเงียบอีกครั้ง ทว่ายังมีชีวิตชีวาด้วยฝูงม้าร่างสูงใหญ่ หนึ่งในนั้นเป็นม้าสีน้ำตาลกำยำด้วยมัดกล้าม มีสีขาวพาดแนวหน้าผากลงมาจดจมูกข้อเท้าทั้งสี่เป็นกำยำด้วยมัดกล้าม มีสีขาวพาดแนวหน้าผากลงมาจดจมูกข้อเท้าทั้งสี่เป็นสีขาวคล้ายสวมถุงเท้ามันทำให้ฉันคิดถึง "กลางดง"


   "เช้าวันนี้ "กลางดง" ไม่ได้อยู่ในคอกของมัน ประตูลูกกรงแข็งแรงถูกเลื่อนเปิดกว้าง แสงรำไรส่องลอดผ่านหน้าต่างทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้มองเห็นกองฟางซึ่งปูลาดเป็นที่นอนอยู่มุมขวาสุดของคอกคอกดูโล่งและว่างเปล่า เมื่อไม่มีเจ้าของคอกยืนและเล็มหญ้าในรางอาหารรงมุมซ้ายเหมือนเช่นทุกวัน..." บันทึกบทเก่าถูกเปิดย้อนอ่านอีกครั้งเมื่อเห็นม้าสีน้ำตาล มีสีขาว พาดแนวหน้าผากลงมาจดจมูก และข้อเท้าทั้งสี่เป็นสีขาวคล้ายสวมถุงเท้าเจ้าธงสิทธิ์ทำให้ฉันคิดถึง "กลางดง" ม้าเลือดผสมระหว่างควาเตอร์ฮอร์ส (Quarter Horse) กับโธโรเบรด (Thoroughbrd) ซึ่งเป็นม้าตัวแรกที่ฉันขี่มันเหยาะย่างในแปลงกว้างเมื่อสิบกว่าปีก่อน

          เช้าวันนี้กลางดงไม่ได้อยู่ในคอกของมัน ด้วยวัยกว่า 15 ปี ในวันที่เราพบกันถึงวันนี้กลางดงจากไปอย่างไม่มีวันกลับแล้ว คอกของมันคงกลายเป็นที่อยู่ของม้าตัวใดตัวหนึ่งในบรรดาม้าแข็งสายพันธุ์อาระเบียน ที่ทางฟาร์มเพาะไว้เพื่อเก็บสายพันธุ์ดี หรือเป็นบ้านของม้าพันธุ์ควาเตอร์ฮอร์ส ซึ่งเป็นม้าที่เหมาะกับการทำงานต้อนฝูงวัว


คู่มือนักเดินทาง

          ฟาร์มโชคชัยตั้งอยู่ในเขตอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีรูปแบบการจัดการอย่างเป็นระบบได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) ยอดเยี่ยมและดีเด่น ประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปี พ.ศ. 2545, 2549 และ 2551

การเดินทาง

          จากกรุงเทพฯ ถึงฟาร์มโชคชัยมีระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ไปจนเข้าเขตจังหวัดสระบุรี แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ผ่านมวกเหล็ก กลางดง จนเข้าเขตอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา จะเห็นป้ายบอกทางให้กลับรถไปยังฟาร์มโชคชัยซึ่งอยู่ทางฝั่งถนนเข้ากรุงเทพฯ






สวนผึ้ง



สวนผึ้ง ราชบุรี นับเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายหลากหลายแนว ทั้งน้ำตก ภูเขา รวมถึงมีที่พักสวย ๆ ตกแต่งอย่างมีสไตล์ และนอกจากที่พักสวนผึ้งเก๋ ๆ แล้ว บรรดารีสอร์ทต่าง ๆ ก็ยังสอดแทรกเอาเอกลักษณ์เฉพาะตัวออกมาดึงดูดนักเดินทางให้ไปเยี่ยมเยือนซะด้วย


สถานที่ท่องเที่ยวสวนผึ้ง

  บ้านหอมเทียน


 ถือเป็นอีกหนึ่งแลนมาร์คของอำเภอสวนผึ้งก็ว่าได้ สำหรับ “บ้านหอมเทียน” ประมาณว่าใครไปสวนผึ้งแล้วไม่ได้ไปที่นี่ถือว่าไปไม่ถึงนะจ๊ะ เพราะนอกจากจะมีเทียนหอมรูปร่างแปลกตาน่ารักน่าชัง ของฝาก และของทำมือดีไซน์เก๋ให้เลือกช้อป เลือกดูกันแล้ว ยังมีกิจกรรมทำเทียน, ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, มุมศิลปะอย่าง, วาดภาพเหมือน และบริการนวดแผนไทย ฯลฯ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือมุมโพสท่าถ่ายภาพเก๋ ๆ แจ่ม ๆ ที่มีให้เลือกสรรกันตามใจกันเพียบ

          อัตราค่าบริการ : 40 บาท
          ที่อยู่ : อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี 
          โทรศัพท์ : 08 1995 8144, 0 2402 8032
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก บ้านหอมเทียน 


อัลปาก้าฮิลล์ สวนผึ้ง


อัลปาก้าฮิลล์ ฟาร์มอัลปาก้าแห่งแรกและแห่งเดียวที่ใหญ่ที่สุดของไทย ดินแดนอันแสนสวยงามซึ่งเต็มไปด้วยอัลปาก้าขนปุย วิ่งเล่นอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวกว่า 250 ไร่ โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น ป้อน กอด และหยอกล้อกับสัตว์ที่เป็นมิตรอันหลากหลาย ทั้งอัลปาก้า จิงโจ้แคระ กระต่ายยักษ์ หนูตะเภา และอื่น ๆ อีกมากมาย อ๊ะ ๆ แต่เนื่องจากมีผู้ให้ความสนใจเข้าชมน้องอัลปาก้าเป็นจำนวนมาก เกินกว่าที่กำหนดไว้ต่อวัน (เพียง 200 ท่าน/วัน) อัลปาก้าฮิลล์จึงจะรับลูกค้าผ่านระบบทางการจองออนไลน์ผ่านเว็บไซต์เท่านั้น (สอบถามรายละเอียดได้ที่ 08 0821 2108/08 1145 9565)

          อัตราค่าบริการ : บัตรธรรมดา 190 บาท, บัตร VIP 290 บาท, บัตร VIP EXPRESS 390 บาท และบัตร YEAR PASS 500 บาท หรือดูรายละเอียดได้ที่ alpacahill.com
          ที่อยู่ : 357 หมู่ 8 ถนนผาปก-ตะโกล่าง ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ : 08 0821 2108 และ 08 1145 9565
          วันเวลาเปิด-ปิด : วันศุกร์ เวลา 09.30-18.00 น., วันเสาร์ เวลา 09.00-18.30 น. และอาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น.
          เว็บไซต์ : alpacahill.com


 ไร่องุ่นปัญญาสวรรค์


 ไร่องุ่นปัญญาสวรรค์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรในรูปแบบที่ไม่เหมือนใครในอำเภอสวนผึ้ง ที่ทุกท่านต้องมาสัมผัสด้วยตัวท่านเอง (ไม่เสียค่าเข้าชม) และทางไร่ยังได้มีบริการสถานที่กางเต็นท์ที่ให้ความเป็นส่วนตัวและมีความเป็นธรรมชาติอีกด้วย สำหรับการเดินทางจากหน้าอำเภอสวนผึ้งตรงมาตามเส้นทางหลัก 14 กิโลเมตร จะเจอสามแยกที่มีป้อมตำรวจ ให้เลี้ยวขวาและตรงเข้ามาอีก 4 กิโลเมตร ไร่อยู่ซ้ายมือ

          ที่อยู่ : อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี 
          โทรศัพท์ :  08 1017 0704 และ 08 1007 0668
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก ไร่องุ่นปัญญาสวรรค์ อ.สวนผึ้ง




  ตลาดน้ำสวนผึ้ง Veneto พร้อมแล้วที่จะตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งผู้ที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนอันแสนโรแมนติก และศูนย์การค้าสุดอลังการกับรูปแบบของอาคารและร้านค้าที่ออกแบบมาอย่างลงตัว เพื่อความสนุกสนานในการจับจ่าย และเลือกซื้อสินค้า โดยร้านค้าตลาดน้ำ Veneto ถูกออกแบบอย่างมีสไตล์และมีเอกลักษณ์ ภายใต้กลิ่นอายอันแสนโรแมนติกของ Santorin ด้วยความโดดเด่นของตัวอาคารสีขาวสะอาดตาตัดกับสีน้ำเงินสด ท่ามกลางเทือกเขาที่เขียวขจีจนมีเอกลักษณ์และรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังได้ตื่นตาและเพลิดเพลินกับการเก็บภาพความประทับใจของลานน้ำพุ หอระฆัง และสวนหย่อม โดยจะเริ่มเปิดให้ท่องเที่ยวเดือนตุลาคม 2556

          อัตราค่าบริการ : สอบถามโดยตรงจากทางตลาดน้ำ
          ที่อยู่ : อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ :  09 1561 8848
          เว็บไซต์ : venetosuanphueng.com และ เฟซบุ๊ก ตลาดน้ำสวนผึ้ง Veneto 


 กล้วยไม้ออร์คิด


  ใครชอบกล้วยไม้ไม่ควรพลาดกับ “สวนผึ้งออร์คิด” ศูนย์รวมแวนด้า แอสโดเซนด้า ลูกผสมหลากสีสวยงาม มีให้เลือกกันอย่างมากมาย ชอบต้นไหนก็ซื้อกลับบ้านได้เลย ราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยยันหลักพัน สถานที่สะอาด บรรยากาศสบาย โดยมีเจ้าของร้านใจดีอย่าง พี่เล็ก อนุโพธิ์ พรายมณี ที่ให้การต้อนรับพร้อมแนะนำให้ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับต้นกล้วยไม้เป็นอย่างดี พร้อมจำหน่ายทั้งปลีกและส่ง ทั้งนี้ ตอนนี้ทางสวนได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมสร้างทางเดินเป็นแพในบ่อเลี้ยงปลา สำหรับผู้ที่ต้องการไปให้อาหารปลากลางบ่อ เป็นอีกจุดหนึ่งสำหรับเด็ก ๆ ที่ไม่อยากเดินชมสวนจ้า

          อัตราค่าบริการ : เปิดให้เข้าชมฟรี
          วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.
          ที่อยู่ : 313/2 หมู่ 3 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัด ราชบุรี    
          โทรศัพท์ :  0 3271 1230
          เว็บไซต์ : suanpheungorchids.com และ เฟซบุ๊ก Suanpheungorchids-สวนผึ้งออร์คิด 




 เดินทางจากตัวอำเภอสวนผึ้งไปประมาณ 5 กิโลเมตร จะพบแยกเข้าสู่ธารน้ำร้อนบ่อคลึงตรงไปอีก 10 กิโลเมตร บ่อคลึงเป็นธารน้ำร้อนธรรมชาติที่มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาตะนาวศรี จะมีน้ำไหลอยู่ตลอดปี เป็นน้ำร้อนบริสุทธิ์ อุณหภูมิของน้ำประมาณ 120-136 องศาฟาเรนไฮต์ ในช่วงฤดูหนาวยามเช้าไอน้ำร้อนจะลอยกรุ่นเป็นหมอกสวยงาม มีบ่อน้ำร้อนธรรมชาติและสระน้ำกระเบื้องสำหรับอาบน้ำร้อนธรรมชาติ

          อัตราค่าบริการ : ค่าอาบน้ำแร่สำหรับบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ คนไทย 30 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท สระน้ำกระเบื้อง คนไทย ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 50 บาท
          วันเวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-17.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-18.00 น.
          ที่อยู่ : บ้านห้วยผาก หมู่ที่ 7 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ :  0 3232 9025, 0 3271 1086
          เว็บไซต์ : bkhotspring.com


น้ำตกเก้าชั้น


  น้ำตกเก้าชั้น หรือเก้าโจน (เก้ากระโจน) ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยผาก หมู่ 7 ตำบลผาผึ้ง เลยจากธารน้ำร้อนบ่อคลึงไปประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดกลาง มีความสูง 9 ชั้น ตกจากหน้าผาสูงกลางหุบเขา มีน้ำตลอดปีปริมาณน้ำจะมากในชั้นบน ๆ  หินบริเวณน้ำตกเป็นหินแกรนิต แต่เดิมน้ำตกนี้รู้จักกันเฉพาะในกลุ่มชาวกะเหรี่ยง ต่อมาบริษัทต่างชาติเข้ามารับสัมปทานเหมืองแร่เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2484 จากนั้นเมื่อหมดสัมปทานทางอำเภอและกลุ่มองค์กรท้องถิ่นจึงได้เข้ามาดูแลพื้นที่ ซึ่งการเดินไปชมน้ำตกจากลานจอดรถเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร จะถึงบริเวณน้ำตกชั้นล่าง ซึ่งสามารถเดินเท้าขึ้นไปถึงชั้นสุดท้ายได้ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง

          อัตราค่าบริการ : ค่าเข้าชมรถยนต์ รถตู้ รถปิกอัพ คันละ 30 บาท รถบัส 100 บาท
          วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-16.30 น.
          ที่อยู่ : บ้านห้วยผัก หมู่ 7 ตำบลผาผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ :  ททท. สำนักงานเพชรบุรี (เพชรบุรี, ราชบุรี) โทรศัพท์ 0 3247 1005-6, 0 3247 1502 เวลา 08.30-16.30 น.











ตลาดน้ำกวางโจว ตลาดน้ำบนน้ำตกแห่งแรกและแห่งเดียวในโลก

          

                        ตลาดน้ำกวางโจวตลาดน้ำบนน้ำตก 


                           ตลาดน้ำกวางโจว ตลาดน้ำบนน้ำตกแห่งแรกและแห่งเดียวในโลก



  "ตลาดน้ำกวางโจว" ตั้งอยู่ที่อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี เป็นตลาดน้ำแห่งแรกที่ตั้งอยู่บนน้ำตก ซึ่งอยู่ภายในเขตอุทยานน้ำตกกวางโจวที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ โดยตลาดน้ำแห่งนี้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่จัดให้แม่บ้านชาวชุมชนบริเวณใกล้เคียง นำของมาจำหน่ายกับนักท่องเที่ยวในทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นพืชผัก ผลไม้ และอาหารที่หาชิมได้ยาก เช่น ห่อหมกกระบอกไม้ไผ่, ขนมหม้อแกงกระบอกไม้ไผ่, ทอดมันปลากราย, หอยทอดหลุมสูตรโบราณ, ก๋วยเตี๋ยวเรือหม้อดินไก๋ตุ๋น, น้ำแว่นแก้วปั่น, หมูยอห่อไผ่ (สูตรต้นตำรับเมืองกวางโจว) และผัดไทยม้ง






           นอกจากนี้ หากชิมของอร่อยจนอิ่มท้องแล้ว ก็ลองไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทางตลาดน้ำกวางโจวจัดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสปาปลา สปาเท้าธรรมชาติแห่งแรกที่อยู่กลางป่า ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติลำธารและสายน้ำ, พายเรือเที่ยวในตลาดน้ำผ่านน้ำตกยาว 400 เมตร, สักการะต้นไทรรักษา ต้นไทรเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนจำนวนมากให้ความเคารพนับถือ, ดื่มด่ำกับอุโมงค์ซุ้มไผ่ติดแอร์ อุณหภูมิ 25 องศา ที่เกิดจากโครงการป่าชื้นตามแนวพระราชดำริ และปลูกป่ากับอุทยานน้ำตกกวางโจว ฯลฯ สำหรับคนที่อยากไปเล่นน้ำตกกวางโจวชิล ๆ ก็สามารถทำได้ เพราะน้ำตกกวางโจวเป็นน้ำตกขนาดเล็ก ที่เกิดจากการทำแก้มลิงตามแนวพระราชดำริ มีลานเล่นน้ำกว้างบนน้ำตกพร้อมเครื่องเล่นบริการฟรี 7 ชนิด ^__^

 ยังไม่หมดเท่านั้นนะคะ ใครที่ต้องการพักค้างคืนภายในบริเวณตลาดน้ำกวางโจวก็มีที่พักไว้บริการนักท่องเที่ยว สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 08 4540 3425 หรือดูรายละเอียดได้ที่ kwangchowwaterfall-resort.com และนอกจากตลาดน้ำกวางโจวแล้วยังสามารถแวะเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง อย่างโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ, น้ำพุร้อนหนองหญ้าปล้อง และอุทยานเจ้าแม่กวนอิมพันมือได้อีกด้วย



 การเดินทาง

           การเดินทางไปตลาดน้ำกวางโจว จากกรุงเทพฯ ขับรถไปทางถนนเพชรเกษม เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3349 ไปทางอำเภอหนองหญ้าปล้อง ขับไปตามป้ายอุทยานน้ำตกกวางโจว ประมาณ 25 กิโลเมตร อยู่ทางซ้ายมือ


  วัน-เวลาเปิดบริการ : วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการต่อเนื่อง ตั้งแต่เวลา 09.30-17.00 น.
           อัตราค่าเข้าชม : 20 บาท
           โทรศัพท์ : 0 2755 9085, 08 1832 2608 และ 08 4540 3425
           เว็บไซต์ : kwangchowwaterfall-resort.com และ เฟซบุ๊ก น้ำตกกวางโจว อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี(สถานที่ท่องเที่ยวและที่พัก)



สถานที่ท่องเที่ยวภาคอีสาน


  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน ถือเป็นพื้นที่ที่มีเนื้อที่มากกว่าภาคอื่น ๆ ในประเทศไทย โดยมีเทือกเขาที่สูงที่สุดในภาคอีสาน คือ ยอดภูหลวง, ภูพาน และภูกระดึง  ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสายสำคัญหลายสาย และด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ ทำให้ภาคอีสานมีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและแหล่งประวัติศาสตร์มากมาย ทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลากหลาย เช่น อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และหมู่บ้านที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นอยู่แบบดั้งเดิม 
   
             


ภูกระดึง จังหวัดเลย



           ภูกระดึง หรือ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของเมืองไทยเพราะมีสภาพธรรมชาติสมบูรณ์ประกอบด้วยระบบนิเวศและภูมิประเทศหลากหลายทั้งทุ่งหญ้า ป่าสนเขา ป่าดิบ น้ำตกและหน้าผาชมทิวทัศน์ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนไปสัมผัสความงามของสถานที่แห่งนี้มากมาย ซึ่งเส้นทางขึ้นภูกระดึงจุค่อนข้างชัน นักท่องเที่ยวจะต้องค่อย ๆ เดินขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ โดยจะมีจุดแวะพักที่ “ซำ” หมายถึง บริเวณที่มีแหล่งน้ำใต้ดินผุดขึ้นมาแต่ละจุดมีเครื่องดื่มและอาหารบริการ ทั้งหมดนี้เป็นแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวปรารถนาจะเป็นผู้พิชิตยอดภูกระดึงสักครั้งหนึ่งในชีวิต เพื่อทดสอบแรงกายและแรงใจ

           สำหรับจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจบนภูกระดึง เช่น ผานกแอ่น เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามมากแห่งหนึ่ง สามารถมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างซึ่งเป็นท้องทุ่งและเทือกเขา ริมทางเดินใกล้ผานกแอ่นมีดอกกุหลาบป่าขึ้นเป็นดงใหญ่ ซึ่งบานสะพรั่งในเดือนมีนาคม-เมษายน, ผาหล่มสัก เป็นลานหินกว้าง และมีสนต้นใหญ่อยู่ใกล้กับชะง่อนหินที่ยื่นออกไปจากหน้าผา เป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกได้ชัดเจนที่สุด จึงทำให้นักท่องเที่ยว ช่างภาพนิยมไปถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ผาแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของภูกระดึง

           ป่าปิด เป็นพื้นที่ที่มีความเปราะบางปกคลุมด้วยป่าดงดิบ มีลำธารหลากสายและน้ำตกสวยงามมากมาย ได้แก่ น้ำตกขุนพอง และน้ำตกผาน้ำผ่า เป็นต้น เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวในเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคมของทุกปี นอกจากนี้ ภูกระดึงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ด้วย เช่น ผาหมากดูก, น้ำตกวังกวาง, น้ำตกเพ็ญพบใหม่, น้ำตกโผนพบ, น้ำตกเพ็ญพบ, น้ำตกถ้ำใหญ่, น้ำตกธารสวรรค์, น้ำตกถ้ำสอเหนือ, น้ำตกถ้ำสอใต้ และสระอโนดาต เป็นต้น

           อย่างไรก็ตาม ภูกระดึงจะปิดฤดูการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน-30 กันยายนของทุกปี และเปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม-31 พฤษภาคมของทุกปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง โทรศัพท์ 0 4287 1333, 0 4287 1458-9 เว็บไซต์ สำนักอุทยานแห่งชาติ หรือ ททท. สำนักงานเลย (เลย, หนองบัวลำภู) โทรศัพท์ 0 4281 2812, 0 4281 1480


 สามพันโบก จังหวัดอุบลราชธานี


  สามพันโบก จังหวัดอุบลราชธานี สถานที่ที่ถูกเรียกว่า “แกรนด์แคนยอนเมืองไทย” ด้วยมีลักษณะของความงามของแก่งหินขนาดใหญ่ในลำน้ำโขง และวิถีชีวิตริมคลองสองฝั่งโขงนั้นงดงาม จนน่ามหัศจรรย์ไม่แพ้แกรนด์แคนยอน รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา โดยสามพันโบกเป็นแก่งหินที่อยู่ใต้ลำน้ำโขง เนื่องจากในช่วงฤดูน้ำหลากแก่งหินแห่งนี้จะจมอยู่ใต้บาดาล และด้วยแรงน้ำวนกัดเซาะทำให้แก่งหินกลายเป็นแอ่งเล็กใหญ่ จำนวนมากกว่า 3,000 แอ่ง หรือสามพันโบก โดยคำว่า “โบก” ภาษาท้องถิ่นนั้นแปลได้ว่า “แอ่ง” จนเป็นที่มาของชื่อ “สามพันโบก” ในช่วงหน้าแล้งสามพันโบกจะโผล่พ้นน้ำให้เห็นเป็นคล้ายภูเขากลางลำน้ำโขง ความสวยงามวิจิตรของหินที่ถูกน้ำเซาะมองเห็นเป็นภาพศิลปะ บางแอ่งใหญ่ขนาดเป็นสระว่ายน้ำ บางแอ่งขนาดเล็ก มีรูปร่างลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตามจินตนาการที่สวยงามและน่าอัศจรรย์

           นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืดในลำน้ำโขงตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุด ทำให้เกิดงานประเพณีที่น่าสนใจของชาวบ้านสองคอน คือ ประเพณีตักปลาในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ที่ปากบ้อง ไปชมการจับปลาที่แปลกประหลาดกว่าที่อื่น ๆ ด้วยการใช้สวิงขนาดใหญ่ด้ามยาวคอยตักปลาที่จะว่ายผ่านปากบ้องทวนกระแสน้ำเพื่อขึ้นไปวางไข่เป็นอีกหนึ่งประเพณีที่น่าสนใจ

           สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความงามของแก่งสามพันโบกทั้งช่วงเช้าตรู่และช่วงยามเย็นพระอาทิตย์อัสดง ก็จำเป็นต้องหาและจองที่พักล่วงหน้า โดยที่พักส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณริมหาดสลึง จุดลงเรือท่องเที่ยวนั่นเอง มีที่พักสวยหลากสไตล์ทั้งแบบเห็นวิวหาดทรายและแม่น้ำโขงแบบใกล้ชิด หรือที่พักราคาประหยัดก็มีให้บริการ ในด้านอาหารการกินก็ไม่ต้องกังวล เพราะที่หาดสลึงก็มีร้านอาหารอร่อยมากมายบริการคุณทั้งเมนูปลาแม่น้ำโขง อาหารไทยตามสั่งทั่วไป อาหารพื้นบ้าน และอาหารอีสานมากมายให้คุณเลือกชิมกันจนอิ่มหนำสำราญ

           ทั้งนี้ การเที่ยวชมสามพันโบกสามารถเลือกได้สองวิธี คือ นั่งเรือชมวิวไปเรื่อย ๆ ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ไปจนถึงสามพันโบก หรือจะขับรถไปจนถึงสามพันโบกเลยก็ได้สำหรับคนที่มีเวลาเที่ยวน้อย แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมนั่งเรือชมวิวสวยสองฟากฝั่ง และยังมีสถานที่เที่ยวน่าสนใจก่อนถึงสามพันโบกให้ได้ตื่นตาตื่นใจอีกด้วย เช่น หาดสลึง หาดทรายริมฝั่งแม่น้ำมูล ในฤดูแล้งน้ำโขงลดลงจะเผยมีหาดทรายสวยงาม เหมาะแก่การนั่งพักผ่อนสบาย ๆ ยามที่น้ำแห่งจัด ๆ จะเผยหาดทรายยาวตลอดแนวถึง 860 เมตรเลยทีเดียว, ปากบ้อง จุดที่แม่น้ำโขงไหลพาดปะทะแนวเทือกเขาภูพานตอนปลาย การปะทะกันของพลังธรรมชาติก่อให้เกิดภูมิประเทศแสนมหัศจรรย์ ลักษณะเหมือนคอขวดเป็นจุดที่แม่น้ำโขงแคบที่สุด ส่วนที่แคบที่สุดวัดได้กว้างเพียง 56 เมตร

           หินหัวพะเนียง เกาะหินขนาดใหญ่ขวางกลางแม่น้ำโขง ทำให้แม่น้ำโขงแยกออกเป็นสองสาย หรือสองคนในภาษาท้องถิ่นจึงเป็นที่มาของชื่อบ้านสองคอน หินหัวพะเนียงรูปร่างคล้ายอุปกรณ์ประกอบคันไถไม้ (ในภาษาไถเหล็ก) ชาวบ้านจึงเรียกว่า หินหัวพะเนียง, ผาหินศิลาเดช ร่อยรอยประวัติศาสตร์สมัยฝรั่งเศสเรืองอำนาจในแถบอินโดจีน ฝรั่งเศสเรืองอำนาจในแถบอินโดจีน ฝรั่งเศสได้นำเรือกลจักรไอน้ำขนส่งสินค้าระหว่างหลี่ผี-เวียงจันทน์ ผ่านมายังไทย มีการสลักตัวเลขที่หน้าผาหินบอกระดับน้ำในแม่น้ำโขง เพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ และหาดหงส์ เนินทรายแม่น้ำโขงขนาดมหึมาเกิดจากการพัดพาของน้ำและนำตะกอนทรายมาทับถมกันจนทำให้เป็นพื้นทรายกว้างใหญ่ ช่วงเวลาที่นิยมมาเที่ยวจะเป็นช่วงก่อนพระอาทิตย์อัสดง แสงเหลืองส้มอ่อน ๆ สะท้อนกับพื้นทรายสีขาวระยิบระยับสวยงามที่สุด

           อย่างไรก็ตาม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลสองคอน โทรศัพท์ 0 4533 8057, 0 4533 8015 


พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม


 พระธาตุพนม หรือ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร วัดพระอารามหลวง ชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ที่เป็นปูชนียสถานที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน ซึ่งผลจากการขุดค้นทางโบราณคดีลงความเห็นว่าพระธาตุพนมสร้างขึ้นระหว่าง พ.ศ. 1200-1400 ตามตำนานกล่าวว่าผู้สร้างคือ พระมหากัสสปะ พระอรหันต์ 500 องค์ และท้าวพระยาเมืองต่าง ๆ ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระอุรังคธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ ลักษณะของสถาปัตยกรรมมีแหล่งที่มาที่เดียวกันกับปราสาทของขอม และได้ทำการบูรณะเรื่อยมา ในปี พ.ศ. 2485 ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกขึ้นเป็น “วรมหาวิหาร”

           แต่ในวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2518 เวลา 19.38 น. พระธาตุพนมได้ล้มทลายลงทั้งองค์ เนื่องจากความเก่าแก่ขององค์พระธาตุพนม และประจวบกับระหว่างนั้นฝนตกพายุพัดแรงติดต่อกันมาหลายวัน ประชาชนทั้งประเทศได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์และรัฐบาลได้ก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นใหม่ตามแบบเดิม การก่อสร้างนี้เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2522 นอกจากพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุในองค์พระธาตุแล้ว ยังมีของมีค่ามากมายนับหมื่นชิ้น โดยเฉพาะฉัตรทองคำบนยอดพระธาตุเป็นฉัตรทองคำที่มีน้ำหนักถึง 110 กิโลกรัม

           ปัจจุบันองค์พระธาตุมีฐานกว้างด้านละ 12.33 เมตร สูง 53.60 เมตร เป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมสูงแลดูสง่างาม อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวนครพนม เป็นที่เคารพบูชาของชาวไทยและชาวลาว โดยเชื่อกันว่าหากใครได้มานมัสการครบ 7 ครั้ง จะเป็นลูกพระธาตุถือเป็นสิริมงคล แก่ชีวิตและมีความเจริญรุ่งเรือง นอกจานี้ ในวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 3 ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี จะมีการจัดงานนมัสการองค์พระธาตุขึ้นเป็นประจำ ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานนครพนม โทรศัพท์ 0 4251 3490-1, 0 4251 3492 เว็บไซต์ tourismthailand.org 


 ดินแดนแห่งทุ่งดอกกระเจียวงาม จังหวัดชัยภูมิ


   จังหวัดชัยภูมิ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวอยากจะไปเยือนเมื่อดอกกระเจียวผลิบาน โดยเฉพาะพื้นที่ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม และ อุทยานแห่งชาติไทรทอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของทุ่งดอกกระเจียวป่าสีชมพูสีสันสดใสงดงามตัดกับสีเขียวของลำต้นและใบหญ้า ขึ้นแทรกอยู่เป็นระยะท่ามกลางต้นหญ้าและและป่าไม้นานาชนิด

           สำหรับ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอเทพสถิต และอำเภอซับใหญ่ จังหวัดชัยภูมิ มีสภาพป่าสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของลุ่มน้ำชีและแม่น้ำป่าสัก มีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง โดยเฉพาะทุ่งดอกกระเจียวที่มีดอกสีชมพูอมม่วงชูดอกสะพรั่งในช่วงต้นฤดูฝนเท่านั้น คือ เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมของทุกปี โดยนับเป็นพันธุ์ไม้ประจำถิ่นที่ขึ้นมากที่สุดในประเทศไทย ณ แห่งนี้ ปกติจะพบขึ้นกระจายทั่วไปตั้งแต่ลานหินงามจนถึงจุดชมวิวสุดแผ่นดิน 1 กิโลเมตร ซึ่งทางอุทยานฯ มีการทำสะพานทางเดิน สำหรับนักท่องเที่ยวเดินไปชมความงามของทุ่งดอกกระเจียวไว้เป็นส่วน ๆ พร้อมทั้งไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวลงเหยียบบนพื้นดินโดยตรง เพราะนอกจากจะไปเหยียบย่ำทำลายต้นดอกกระเจียวแล้วยังอาจเป็นการทำลายระบบนิเวศน์ของธรรมชาติบริเวณนั้น ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 4489 0105 หรือเว็บไซต์ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม

           อุทยานแห่งชาติไทรทอง อยู่ในท้องที่อำเภอหนองบัวระเหว อำเภอเทพสถิต อำเภอภักดีชุมพล และอำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ มีอาณาเขตติดต่อกับอุทยานแห่งชาติป่าหินงามและอุทยานแห่งชาติภูแลนคา เป็นผืนป่าบนเทือกเขาพังเหย ในช่วงต้นฤดูฝนนอกจากผืนป่าจะเขียวชอุ่มชุ่มชื้นไปด้วยพรรณไม้น้อยใหญ่แล้ว ที่นี่ยังงดงามโดดเด่นด้วยดอกกระเจียวที่ผลิบานอยู่เต็มท้องทุ่ง เรียกชื่อว่า ทุ่งบัวสวรรค์ ที่มีทั้งดอกสีชมพูและสีขาว ซึ่งดอกกระเจียวสีขาวนี้หาดูได้ไม่ง่ายนัก โดยทุ่งดอกกระเจียวจะมีมากบริเวณสันเขาพังเหยด้านทิศตะวันตก มีทั้งหมด 5 ทุ่งใหญ่ ๆ อยู่ห่างที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 12 กิโลเมตร จะออกดอกสวยงามเต็มทุ่งประมาณช่วงฤดูฝน ระหว่างเดือนมิถุนายน-กลางเดือนสิงหาคมของทุกปี จะออกดอกเต็มสะพรั่งช่วงใดนั้นขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศและปริมาณน้ำฝนของแต่ละปี ทางอุทยานฯ ได้จัดให้มีการท่องเที่ยวเชิงนิเวศโดยได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่นำทางพานักท่องเที่ยวเดินศึกษาธรรมชาติ และชมความงามของดอกกระเจียวที่บานชูช่อสีสดสวยงามแซมหญ้าเพ็ก ท่ามกลางแมกไม้ ขุนเขา และไอหมอกที่เย็นสบาย ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 89282 3437 (ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว) หรือเว็บไซต์ อุทยานแห่งชาติไทรทอง

อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์



   ปรางค์ประธาน ตั้งอยู่ตรงศูนย์กลางของลานปราสาทชั้นใน มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุมมณฑป คือ ห้องโถงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เชื่อมอยู่ทางด้านหน้าที่ส่วนประกอบของปรางค์ประธานตั้งแต่ฐานผนังด้านบนและด้านล่าง เสากรอบประตู เสาติดผนัง ทับหลัง หน้าบัน ซุ้มชั้นต่าง ๆ ตลอดจนกลีบขนุนปรางค์ล้วนสลักลวดลายประดับทั้งลวดลายงดงาม ที่ทับหลังและหน้าบันด้านหน้าปรางค์ประธาน ลักษณะของลวดลายและรายละเอียดอื่น ๆ ช่วยให้กำหนดได้ว่าปรางค์ประธานพร้อมด้วยบันไดทางขึ้นและสะพานนาคราชสร้างขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 17

           ภายในลานชั้นในด้านตะวันตกเฉียงใต้ มีปรางค์ขนาดเล็ก 1 องค์ ไม่มีหลังคา จากหลักฐานทางศิลปกรรมที่ปรากฏ เช่น ภาพสลักที่หน้าบัน ทับหลัง บอกให้ทราบได้ว่าปรางค์องค์นี้สร้างขึ้นก่อนปรางค์ประธาน มีอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 16 นอกจากนี้ ยังมีฐานปรางค์ก่อด้วยอิฐซึ่งมีอายุเก่าลงไปอีก คือ ประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 อยู่ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือขององค์ประธาน และที่มุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก่อด้วยศิลาแลง มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 ร่วมสมัยกับพลับพลาที่สร้างด้วยศิลาแลงข้างทางเดินที่เรียกว่า “โรงช้างเผือก”

           ทั้งนี้ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 (นับแบบไทย) ของทุกปีจะเกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์ คือ แสงอาทิตย์จะทำมุมลอดทะลุประตูทั้ง 15 บานของปราสาทได้อย่างพอดี ชาวบ้านจะเดินเท้าขึ้นมาเพื่อชมความอลังการที่ผสานระหว่างธรรมชาติและสิ่งก่อสร้างของบรรพชน โดยอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. สอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักงานอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง โทรศัพท์ 0 4478  2715 เว็บไซต์ buriram.go.th และ ททท.สำนักงานสุรินทร์ โทรศัพท์ 0 4451 4447-8, 0 4451 8530 เว็บไซต์ tourismthailand.org 


 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จังหวัดเลย


  ภูหลวง มีความหมายว่าเขาที่สูงใหญ่ หรือหมายถึงภูเขาของพระเจ้าแผ่นดิน เกิดจากการยกตัวของพื้นผิวโลกและดินส่วนที่อ่อนพัดพาลงสู่พื้นที่ส่วนต่ำ ภูหลวงประกาศให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2517 มีพื้นที่ประมาณ 560,593 ไร่ สภาพทั่วไปเป็นพื้นที่ราบสูง อากาศเย็นตลอดปี ตั้งอยู่ในบริเวณท้องที่อำเภอวังสะพุง อำเภอภูเรือ อำเภอด่านซ้าย และอำเภอภูหลวง ฤดูกาลบนภูหลวงมี 3 ฤดู เหมือนพื้นราบแต่ระดับอุณหภูมิต่างกัน

           ฤดูร้อนเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 20-24 องศาเซลเซียส จะมีดอกไม้ที่มีสีสันเจิดจ้าสวยงามเช่นเอื้องตาเหิน กล้วยไม้ป่าดอกขาว กุหลาบขาว และกุหลาบแดง ส่วนฤดูฝนอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม อุณหภูมิใกล้เคียงหรือสูงกว่าหน้าร้อนเล็กน้อยจะมีดอกไม้ป่าดอกเล็ก ๆ สีชมพูอมม่วงขึ้นแซมตามทุ่งหญ้าและเทียนน้อย ขณะที่ฤดูหนาวอุณหภูมิลดลงมาก เฉลี่ย 0-16 องศาเซลเซียส ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม บางวันอุณหภูมิลดลงถึง -4 องศาเซลเซียส จะมีก่วมแดงหรือที่รู้จักกันว่าเมเปิล จะเปลี่ยนสีแดงแล้วผลัดใบ ตามพื้นดินจะเห็นต้นกระดุมเงินและรองเท้านารีปีกแมลงปอขึ้นอยู่บนก้อนหินและตามพื้นป่าดิบเขา

           ด้านตะวันออกของเทือกภูหลวงมีการค้นพบซากหินรอยเท้าไดโนเสาร์อายุกว่า 120 ล้านปี นอกจากนี้ ยังมีป่าหลากชนิด เช่น ป่าผลัดใบหรือป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา แต่ป่าที่โดดเด่นที่สุดบนภูหลวง คือ ป่าสนสองใบ สนสามใบ และทุ่งหญ้าตามพื้นที่ราบ เนินเขา และลานหิน โดยเส้นทางศึกษาธรรมชาติภูหลวงเป็นเส้นทางเดินต่อเนื่องกัน เริ่มจากโหล่นมน ซึ่งเป็นบริเวณที่พักนักท่องเที่ยวผ่านป่าดงดิบ ลำห้วยป่าสนสามใบ และดอกไม้สลับทุ่งหญ้าระยะทางประมาณ 2.3 กิโลเมตร ถึงโหล่นสาวแยงคิง จากนั้นไปเป็นเส้นทางเดินไปยังโหล่นหินแอ่วขัน ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ผ่านดงดอกไม้หลายชนิด ต่อไปเป็นทางเดินสู่ลานหินโหล่นแต้ ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร จะพบกุหลาบขาวและกล้วยไม้ป่าต่าง ๆ บริเวณผาโหล่นแต้ สามารถชมวิวทิวทัศน์ของภูหอ ภูกระดึง ภูยองภู และภูขวาง นอกจากนี้ ยังมีจุดท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ผากบ ผาชมวิว โหล่นช้างผึ้ง ซุ้มงูเห่า และน้ำตกสายทอง

           ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จังหวัดเลย โทรศัพท์ 0 4280 1955 หรือ phuluang.org และ ททท.สำนักงานเลย โทรศัพท์ 0 4281 2812, 0 4281 1480 เว็บไซต์ tourismthailand.org 




พัทยาแจ่ม

               
                        สถานที่ท่องเที่ยวในพัทยา พัทยาไม่ได้มีแค่ทะเล ลองสัมผัสแล้วคุณจะรู้




 "พัทยา" เมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเก๋ ๆ ฮิป ๆ ให้นักเดินทางไปสัมผัสอยู่เสมอ 




มาเริ่มกันที่ร้านแรก คือ มิโมซ่า พัทยา (Mimosa Pattaya) สถานที่ท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด "The City of Love" และบรรจงสร้างสรรค์ทัศนียภาพให้เกิดเป็นเมืองแห่งความรัก ที่มีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมเมืองโบราณของฝรั่งเศส โดดเด่นด้วยสีสันสดใส น่ารักน่ามอง บ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์แห่งเดียวในเมืองพัทยา แถมยังโอบล้อมด้วยบรรยากาศอันสุดแสนจะโรเเมนติก และหอมหวนไปกับกลิ่นหอมของดอกไม้หลากหลายชนิดที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ที่นี่ยังมีคลองเล็ก ๆ ที่ไหลผ่านกลางเมือง มีหงส์คู่ที่ว่ายเวียนวนไปมาให้ได้ชื่นชมกันเพลิน ๆ พร้อมการแสดงโชว์อย่างอลังการที่น่าประทับใจ  ที่บริเวณลานน้ำพุดนตรี ที่หมุนเวียนโชว์สลับสับเปลี่ยนมาสร้าง ความบันเทิงทุกวัน โดยการแสดงจะมี 3 รอบ คือ เวลา 18.30 น., 19.45 น. และ 21.00 น. อีกทั้ง มิโมซ่า พัทยา  ยังเป็นศูนย์รวมสินค้าที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นทั้งร้านอาหารไทย อาหารนานาชาติหลากหลายชนิดอีกด้วย

           
 ค่าบริการ :  ผู้ใหญ่ ราคา 50 บาท, เด็ก ราคา 25 บาท และผู้สูงอายุ, นักเรียน นักศึกษาที่แสดงบัตรประจำตัวเข้าฟรี
            เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.
           
 ที่อยู่ : 28/43-44 หมู่ 2 ถนนสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
           
 โทรศัพท์ : 0 3823 7318-9, 08 2467 6444
           
 เว็บไซต์ : mimosa-pattaya.com และ เฟซบุ๊ก Mimosa Pattaya
 



  Teddy Island หรือ พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาหมี ถือเป็นแห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างโดยบริษัทเทดดี้ ไอส์แลนด์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง "เทดดี้แบร์ มิวเซียม" ตั้งอยู่บริเวณถนนเลียบชายหาด ตึกมาร์คแลนด์วินเลจ พัทยาเหนือ ซอย 1 สำหรับพิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาหมีของที่นี่ มีออกแบบดีไซน์งานทั้งหมดโดยดีไซเนอร์ชาวเกาหลีใต้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "การเดินทางท่องเที่ยวตามล่าหาสมบัติไปกับตุ๊กตาเทดดี้แบร์"

            ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งย่อยออกเป็นทั้งหมด 11 โซน เช่น โซนประเทศไทย, โซนประเทศจีน, โซนอาณาจักรซานต้า และโซนทดลองขุดซากฟอสซิลดึกดำบรรพ์ เป็นต้น โดยแต่ละโซนมีการจัดแสง สี และเสียง ที่เน้นความสมจริงตระการตาที่ไม่ซ้ำกัน พร้อมเปิดโอกาสให้ถ่ายรูปได้อย่างอิสรเสรีตลอดการเที่ยวชม รวมถึงให้น้อง ๆ ได้ทดลองทำกิจกรรมต่าง ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงกลางแจ้ง ที่บริเวณลานด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ ให้ผู้ที่เข้ามาท่องเที่ยวได้ร่วมชมกันเป็นประจำทุกวัน ซึ่งมีวันละ 3 ครั้ง

            ค่าบริการ : สำหรับคนไทย ผู้ใหญ่ ราคา 250 บาท, เด็ก ราคา 150 บาท (ส่วนสูง 90-130 เซนติเมตร) ส่วนสูงต่ำกว่า 90 เซนติเมตร เข้าชมฟรี ส่วนชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ ราคา 500 บาท, เด็ก ราคา 300 บาท (ส่วนสูง 90-130 เซนติเมตร) ส่วนสูงต่ำกว่า 90 เซนติเมตร เข้าชมฟรี

           
 เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 09.00-20.30 น. (สามารถเดินชมพิพิธภัณฑ์ได้จนถึงเวลา 22.00 น.)
           
 ที่อยู่ : 436/49 หมู่ 9 ซอย 1 ถนนเลียบชายหาด ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
           
 โทรศัพท์ : 03 8411 285, 08 6979 8411
           
 เว็บไซต์ : teddyisland.co.th และ เฟซบุ๊ก Teddy Island Thailand


 สวนน้ำ รามายณะ




            สวนน้ำรามายณะ แหล่งท่องเที่ยวที่ให้บริการเครื่องเล่นชั้นนำระดับโลก เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาแหล่งพักผ่อนที่น่าสนใจ สำหรับการท่องเที่ยวแบบเย็นสบาย ซึ่งบริเวณภายในสวนน้ำถูกออกแบบและก่อสร้างด้วยมาตรฐานระดับนานาชาติ ในสวนน้ำจะมีเครื่องเล่นรุ่นล่าสุด ทั้งที่สร้างความตื่นเต้นและที่เหมาะกับทุกคนในครอบครัว โดยจะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้กว่า 10,000 คนต่อวัน สำหรับภายในของที่นี่จะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของรามเกียรติ์ โดยแบ่งเป็น 7 โซน ที่แตกต่างกันภายใต้บรรยากาศที่สวยงามร่มรื่นและเป็นธรรมชาติสวนน้ำรามายณะ สำหรับครอบครัวในบริเวณเมืองพัทยา ด้วยปัจจัยความบันเทิงระดับโลกเช่นนี้จะสร้างความทรงจำช่วงเวลาแห่งความสุขให้ทั้งครอบครัวและหมู่เพื่อนฝูงอย่างแน่นอน สำหรับใครที่อยากไปเล่นน้ำแบบสนุก ๆ ก็ต้องอดใจรอไปก่อน เนื่องจากที่นี่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในช่วง ต้นปี 2557 นี้แน่นอน

           ที่อยู่ : 315/183-184 หมู่ 12 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
          
 โทรศัพท์ : 0 3825 1133
          
 เว็บไซต์ : ramayanawaterpark.com


ศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลอง 4 มิติ



  โครงการ "ศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลอง 4 มิติ" ตั้งอยู่ถนนสุขุมวิท ตรงข้ามพัทยากลาง ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ล่าสุดที่มีเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทยที่โดดเด่น เปิดให้บริการภายใต้แนวคิด "มรดกทางวัฒนธรรมแห่งสายน้ำหนึ่งเดียวโลก แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของประเทศไทย" ด้วยฝีมือการประดิษฐ์อุปกรณ์ประกอบการแสดง รวมทั้งสิ่งของจำลองผ่านฝีมือที่ประณีตงดงามด้วยช่างสิบหมู่ เป็นเอกลักษณ์ ประจำชาติที่เป็นมรดกสืบทอดทางประเพณี วัฒนธรรม อารยธรรม และสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่า พร้อมเนื้อหาสาระทางวิชาการให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ พร้อมร่วมตื่นใจกับภาพและสีด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย

          นอกจากนี้ ภายในยังมีการจำลองพระราชพิธีกระบวนพยุหยาตราทางชลมาก ลอยกลางแม่น้ำเจ้าพระยา, การแสดงแสงสีของกรุงเทพฯ ยามราตรี, เสียงกาพย์เห่เรือท่วงทำนองความงดงามแห่งภาษาไทย, ภาพยนตร์ 4 มิติ ครั้งแรกของเมืองไทย อีกทั้งชมภาพยนตร์จอยักษ์ 360 องศา แสดงประวัติความเป็นมาของเรือไทย ในรูปแบบภาพยนตร์ Animation จากอดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งหาชมไม่ง่ายในปัจจุบัน โดยรอบแรก เวลา 10.00 น., รอบที่สอง เวลา 14.00 น., รอบที่สาม เวลา 16.30 น. และรอบที่สี่ เวลา 19.45 น.

           ค่าบริการ : สำหรับชาวไทย ผู้ใหญ่ราคา 200 บาท (ชมโชว์) บัตรสำหรับชาวไทย เด็กอายุตั้งแต่ 4-8 ขวบ ความสูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร ราคา 150 บาท (ชมโชว์) ส่วนบัตรสำหรับชาวต่างชาติผู้ใหญ่ ราคา 600 บาท (ชมโชว์) ส่วนเด็กอายุตั้งแต่ 4-8 ขวบ ความสูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร ราคา 200 บาท (ชมโชว์)

         
 เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.
         
 ที่อยู่ : 353/54 หมู่ 9 ถนนสุขุมวิท (ตรงข้ามพัทยากลาง) อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
         
 โทรศัพท์ : 08 1865 5353
         
 เว็บไซต์ : miniaturethairoyalbarge.com


Pattaya Sheep Farm


attaya Sheep Farm หรือ ฟาร์มแกะ พัทยา ตั้งอยู่ก่อนทางเข้าพัทยา ในอำเภอบางละมุง ตรงข้ามกับโรงเรียนนานาชาติ The Regent School  ภายในฟาร์มแกะมีร้านอาหารพร้อมสถานที่สำหรับเดินชมฟาร์มแกะ ด้วยพื้นที่กว้างขวาง พร้อมด้วยการตกแต่งมุมต่าง ๆ ภายในฟาร์มได้หลากหลายรูปแบบ โดดเด่นด้วยกังหันลมยักษ์ รูปปั้นแกะขนาดใหญ่ สามารถนั่งถ่ายรูปได้ อีกทั้งยังมีกระโจมอินเดียแดง รวมทั้งสามารถยืนให้อาหารฝูงแกะ ถ่ายรูปคู่กับเจ้าแกะในบรรยากาศฟาร์มที่เต็มไปด้วยพื้นหญ้าสีเขียวได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีโซนสำหรับจำหน่ายสินค้าและของฝากที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากฟาร์มอีกด้วย 

          ค่าบริการ : ค่าเข้าชมสำหรับบุคคลทั่วไป ราคา 50 บาท สำหรับเด็กที่มีความสูงไม่เกิน 110 เซนติเมตร ไม่เสียค่าบัตรผ่านประตู

         
 เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.
         
 ที่อยู่ : 73/8 หมู่ 3 ตำบลหนองปลาไหล อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
         
 โทรศัพท์ : 09 2321 6718, 08 1154 9437
         
 เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Pattaya Sheep Farm


Pattaya Dolphin World & Resort


  สถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากพัทยาเลย โดยเกิดจากแนวคิดของเจ้าของที่ต้องการสร้างจุดกำเนิดการรักและการสร้าง เพื่อมอบความสุขให้ทุกคนในครอบครัว ด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การชมการแสดงโชว์ของ ปลาโลมาแสนรู้ ซึ่งมีการแสดง วันละ 5 รอบ (รอบแรก เวลา 09.00 น., รอบที่ 2 เวลา 11.00 น., รอบที่ 3 เวลา 13.00 น., รอบที่ 4 เวลา 15.00 น. และรอบสุดท้าย เวลา 17.00 น.) การว่ายน้ำกับโลมา, กิจกรรมขับรถเอทีวี, กิจกรรมขี่ม้าหรือนั่งรถม้า, กิจกรรมฐานไตเชือก, กิจกรรมสนามยิงปีน, กิจกรรมปีนผาจำลอง, กิจกรรมตกปลา, กิจกรรมกระโดดหอสูง, ร้านขายของที่ระลึก, กิจกรรมพักผ่อนที่สวนน้ำ, กิจกรรมยิงปืนอัดลม, นวดแผนไทย, เครื่องเล่นชิงช้าสวรรค์, โซนคาว์บอย และบริการอื่น ๆ อีกมากมาย

           ค่าบริการ : สำหรับชาวไทย ผู้ใหญ่ ราคา 300 บาท, เด็ก ราคา 100 บาท ส่วนชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ ราคา 500 บาท และเด็ก ราคา 250 บาท
         
 เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.30-17.30 น.
         
 ที่อยู่ : 44/8 หมู่ 9 ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
         
 โทรศัพท์ : 0 3805 1790-6
         
 เว็บไซต์ : pattayadolphins-world.com และ เฟซบุ๊ก Pattaya Dolphin World & Resort