ถ้าความพิเศษของชีวิต คือ การได้ทำอะไรในแบบที่เราชอบ และได้ทำอะไรในแบบที่เราอยากทำ มันคงเหมือนกับการเดินทางที่บอกว่าความพิเศษต้องเป็นอะไรบางอย่าง บางอย่างทีบอกว่ามันพิเศษ ความพิเศษที่เป็นความหมายที่บอกถึงความรู้สึกที่ดี เป็นความหมายที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เป็นความหมายหมายที่บอกว่ามันท้าทาย หรือจะเป็นบางอย่างที่บอกว่ามันมหัศจรรย์สำหรับความทรงจำ
ความพิเศษเริ่มต้นจากวันนั้น ๆ วันที่ผมได้รู้จักกับเส้นทางแห่งขุนเขา และเส้นทางแห่งทะเลหมอก มันเริ่มต้นจากตัวเมืองเพชรบูรณ์ วิ่งผ่านตัวเมืองขึ้นมาประมาณ 13 กิโลเมตรถึงแยกนางั่ว เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหมายเลข 2258 เส้นทางนางั่ว-เขาค้อ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน 2196 ผ่านจุดชมวิวที่วัดกองเนียม และขึ้นจุดสูงสุดของเขาค้อที่อนุสรณ์ผู้เสียสละเขาค้อ แล้วลงมาผ่านจุดชมวิวเขาค้อที่ทำการไปรษณีย์เขาค้อ แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังแคมป์สน เลี้ยวซ้ายไปราว ๆ 12 กิโลเมตร ผ่านจุดชมวิวริมถนน บนรอยต่อจังหวัดพิษณุโลก-เพชรบูรณ์ แล้ววิ่งย้อนกลับมาที่เขาค้อผ่านวัดผาซ่อนแก้ว และจุดชมวิวตลอดทางถนนสาย 12 และขึ้นภูทับเบิก แวะจุดชมวิวเขาแผงม้า มุ่งหน้าไป อช.ภูหินร่องกล้า ขากลับแวะชมภูหินร่องกล้าขึ้นภูลมโล และมาพักที่ภูทับเบิก
และจากเส้นทางหลายร้อยเส้นทางที่เคยรู้จัก กับอีกหนึ่งความทรงจำของการเดินทาง ที่สะท้อนมุมหนึ่งของชีวิตที่ยังคงความรู้สึกทีดีอยู่เสมอ กับอีกหนึ่งเส้นทางต่อจากนี้
ผมยังจำได้ดีกับทะเลหมอกในเช้าวันนั้น อีกหนึ่งวันที่ความพิเศษของถนนสายนี้เริ่มทำงานกับตัวผม และถ้านี่คือความพิเศษ ผมบอกได้เลยว่ามันคือจุดเริ่มต้นของวงแหวนทะเลหมอกนับต่อจากนี้ จุดชมวิวตรงวัดกองเนียมตรงอยู่ริมถนนสาย 2196 อยู่ใกล้ ๆ กับหอสมุดแห่งชาติ หรืออยู่เยื้องกับทางขึ้นอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ มันเป็นทะเลหมอกที่ชวนฝันสุด ๆ ในวันที่อากาศเป็นใจ
ผมไม่รู้หรอกว่ามันเป็นความบังเอิญแค่ไหนที่ผมได้เห็นบรรยากาศแบบนี้ คงเพราะผมชอบขับรถ และตอนที่ได้ขับรถผมก็มักจะมีความสุขกับการได้เห็นวิวและบรรยากาศสองข้างทางเสมอ และที่นี่เองก็เป็นความพิเศษเริ่มต้นที่ผมบังเอิญได้เห็นมันในเช้าวันนั้น
"อนุสรณ์ผู้เสียสละเขาค้อ" มันคือจุดชมวิวที่สูงที่สุดของเขาค้อ จุดชมวิวที่ทำให้โลกใบนี้ของผมพิเศษเสมอ